ชื่อไทย : ผกากรอง (PHA -KA- KRONG)
ชื่อพื้นเมือง : ผกากรอง ก้ามกุ้ง เบ็ญจมาศป่า ขี้กา สาบแร้ง ต้นขะจาย ตาปู คำขี้ไก่ และสามสิบ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : แลนทาน่า แอคคิวลีทา (Lantana aculeate Linn.) และ แลนทาน่า แค็มมีระ (L.camera.Linn.)
ชื่อวงศ์ : VERBENACEAE
ลักษณะนิสัย :
ชนิดพืช [Plant Type] ไม้คลุมดิน
ขนาด [Size] – สูง 30-45 เซนติเมตร
สีดอก [Flower Color] – สีเหลือง ขาว ส้ม ชมพู ม่วงอมชมพู หรือมีสองสีในช่อดอกเดียวกัน
ฤดูที่ดอกบาน [Bloom Time] – ตลอดปี
อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] – เร็ว
ลักษณะนิสัย [Habitat] – ชอบดินร่วน
ความชื้น [Moisture] – ปานกลาง
แสง (Light) – แดดเต็มวัน
ลักษณะทั่วไป (Characteristic) : เป็นไม้พุ่มที่พบทั่วไปในบ้านเรา เป็นพืชคลุมดิน ลำต้นเป็นพุ่มหรือไม้พุ่มกึ่งเลื้อย แตกกิ่งทอดเลื้อยได้ไกล 1-2 เมตร ใบจะมีสีเขียวเข้ม ใบรูปไข่ขอบใบจักเล็กน้อย ผิวใบจะมีขนอยู่ ทำให้รู้สึกสาก ๆ เมื่อจับต้อง ผกากรองนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ โดยอาจปลูกเป็นแถวหรืออาจปลูกเป็นกลุ่มให้เกิดเป็นพุ่มก็ได้
ดอกของ ผกากรอง มีลักษณะสีสันที่สวยงามมาก มีหลายสีตั้งแต่เหลือง ขาว ส้ม ชมพู ม่วงอมชมพู หรือมีสองสีในช่อดอกเดียวกัน มีกลิ่นฉุน ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง ช่อละ 20-25 ดอก ดอกย่อยรูปกรวย โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 4 แฉก ทยอยบานจากด้านนอกเข้าไปด้านในช่อดอก ช่อดอกบานเต็มที่กว้าง 3-4 เซนติเมตร
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปไข่ถึงรูปใบหอก กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 3-6 เซนติเมตร ปลายใบมนกึ่งแหลม โคนใบมน ขอบใบจักซี่ฟัน ผิวใบด้านบนสีเขียวเช้ม หนา มีขนสั้นสากมือ
ผล (Fruit) – ผลสดมีเนื้อ ทรงกลม สีเขียว เมื่อแก่สีม่วงดำ มีเมล็ดจำนวนมาก
การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) – ดอกสวย มีสีสัน ปลูกเป็นพุ่มคลุมดิน ริมถนน ทางเดิน ริมทะเล ริมน้ำตก ลำธาร ทรงพุ่มตัดแต่งได้
การดูแลรักษา:
แสง – ต้องการแสงแดดจัด
น้ำ – ต้องการน้ำน้อย
ดิน – สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิดแต่ดินที่เหมาะคือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี
ปุ๋ย – ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักบริเวณโคนต้น
การขยายพันธ์ : โดยการเพาะเมล็ดและปักชำ (ส่วนใหญ่แล้วนิยมการปักชำเพราะสะดวกและรวดเร็วกว่า)
โรคและแมลง : ไม่ค่อยพบโรคและแมลงรบกวนเท่าไหร่
การใช้ประโยชน์จากต้นผกากรอง :
- เป็นไม้ประดับ เพราะดอกสวยงามและออกดอกดกตลอดปี ใช้ตกแต่งเป็นแนวรั้วได้อย่างดี
- ดอกใช้ห้ามเลือด, ใบ ดอก ราก ใช้แก้อักเสบ
- ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช
สารมีพิษและสรรพคุณ : ที่ใบมีสารพิษคือแลนทานิน (Lantanin) เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงมาก โดยเฉพาะพวกแพะและแกะ พิษของผกากรองจะมีผลต่อระบบประสาทและจะส่งผลต่อตับ เมื่อสัตว์เลี้ยงกินเข้าไปจำนวนมากจะทำให้ตายได้
ส่วนที่นำมาใช้ทำยา คือ ใบ ดอก ราก โดยเก็บได้ตลอดปี จะใช้สดหรือตากแห้งก็ได้
"ใบ" มีรสขม เย็น ใช้แก้บวม ขับลม แก้แผลผดผื่นคันที่เกิดจากความชื้นหรือหิด ซึ่งเตรียมยาดังนี้นำใบสด10-15 กรัม มาตำและพอกบริเวณที่เป็น หรือ นำใบสดมาต้มแล้วนำน้ำที่ได้มาชะล้างบริเวณที่เป็น
"ดอก" มีรสจืดชุ่ม แต่ให้ความรู้สึกเย็น ใช้แก้อักเสบ ห้ามเลือด แก้วัณโรค อาเจียนเป็นเลือด แก้ปวดท้องอาเจียน
ต้นผกากรอง สามารถแก้ผื่นคันที่เกิดจากความชื้นและรอยฟกช้ำที่เกิดจากการกระทบกระแทก โดยเตรียมยาดังนี้
ถ้าเป็นยารับประทานเพื่อรักษาอาการอาเจียนเป็นเลือด แก้วัณโรค แก้ปวดท้องอาเจียน ให้ใช้ดอกสด 10-15 ช่อ หรือ ดอกแห้ง 6-10 กรัม ต้มน้ำดื่ม จนกว่าอาการจะดีขึ้น
ถ้าใช้รักษารอยฟกช้ำหรือผดผื่น ให้นำดอกสดมาตำและพอกบริเวณที่เป็น "ราก" ใช้แก้หวัด ปวดศีรษะ ไข้สูง ปวดฟัน คางทูม รอยฟกช้ำที่เกิดจากการกระแทก โดยถ้าใช้รักษาอาการไข้ คางทูม ให้ใช้ราก
30-60กรัม ต้มน้ำดื่ม และถ้าใช้รักษาอาการปวดฟัน ใช้รากสด 30 กรัมกับเกลือจืด 30 กรัม ต้มน้ำบ้วนปาก
การใช้ ผกากรองรักษาโรค ก็มีข้อควรระวัง คือ หญิงมีครรภ์ห้ามรับประทาน
ส่วนที่ห้ามรับประทาน สำหรับทุกคนเพราะจะเกิดอันตรายจากพิษ คือ ผลแก่แต่ยังไม่สุกเนื่องจากสารกลุ่ม triterpenoid ได้แก่ lantadene A และ lantadene B ซึ่งรับประทานเมล็ดเข้าไปจะมีอาการเพลีย มึนงง ตัวเขียว ท้องเดิน หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด
วิธีเตรียมและการใช้ผกากรองป้องกันจำกัดศัตรูพืช :
วิธีที่ 1 : บดเมล็ดผกากรอง 1 กิโลกรัม ผสมกับน้ำ 2 ลิตรแช่ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วกรองเอาไปใช้ฉีดพ่นฆ่าหนอนกระทู้ในแปลงผัก
วิธีที่ 2 : ใช้ดอกและใบบดละเอียดหนัก 50 กรัม ผสมน้ำ 400 ซีซี แช่ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วกรองผสมน้ำ 1: 5 ส่วน ใช้ฉีดพ่น